การเทรดคริปโตแบบ Long และ Short เป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่นักเทรดจะใช้เพื่อหวังทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดคริปโต โดย Long position หมายถึงการเปิดสถานะ “ซื้อ” เพราะเชื่อว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต ขณะที่ Short Position คือการ “ขายก่อน แล้วซื้อคืนทีหลัง” เพราะคาดว่าราคาจะลดลง
การเทรดคริปโตแตกต่างจากตลาดหุ้นทั่วไปตรงที่เปิดได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งทำให้โอกาสและความเสี่ยงอยู่ใกล้กันตลอดเวลา ปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาด เช่น การประกาศจาก Fed เหตุการณ์ระดับโลก กฎระเบียบจากหน่วยงานรัฐ เทคโนโลยี และจิตวิทยาของนักลงทุน ล้วนมีผลต่อทิศทางราคา ดังนั้น ผู้ที่กำลังมองหาเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนเพื่อใช้วางกลยุทธ์ Long หรือ Short จึงควรติดตามข่าวสารเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์และอุปทานก็มีบทบาทสำคัญ ในบางครั้งความหายากของเหรียญบางตัวอาจทำให้ราคาพุ่ง แต่อีกด้าน หากมีการผลิตหรือปล่อยเหรียญออกมามากเกินไป อุปทานล้นอาจกดดันราคาตกได้
วิธีและกลยุทธ์ในการเปิด Long และ Short Positions
ต่อไปนี้คือการอธิบายวิธีและกลยุทธ์การเทรดแบบ Long และ Short
Long Position
หากคุณเป็นนักลงทุนที่เชื่อมั่นว่าราคาคริปโตมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น การเปิดสถานะ Long ถือเป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่เหมาะสม ขั้นตอนในการเปิด Long นั้นไม่ซับซ้อน โดยมีลำดับดังนี้
- เลือกตลาดซื้อขายคริปโตที่เชื่อถือได้ และตรวจสอบว่ามีเหรียญที่เราต้องการ เช่น Bitcoin
- สมัครบัญชีพร้อมดำเนินการยืนยันตัวตนและตั้งระบบรักษาความปลอดภัย เช่น 2FA
- ฝากเงิน (Fiat หรือคริปโตอื่น) เข้าบัญชี
- ส่งคำสั่งซื้อที่ราคาตลาด (Market) หรือราคาที่กำหนด
- ถือเหรียญไว้อย่างระมัดระวังและตัดสินใจขายเมื่อถึงเป้าหมาย
ตัวอย่าง สมมุติว่าซื้อ Bitcoin ที่ราคา 60,000 ดอลลาร์แล้วคาดว่าราคาจะขึ้นไปถึง 65,000 ดอลลาร์ — หากราคาพุ่งขึ้นจริง คุณขายออกที่ 65,000 ดอลลาร์ก็ได้กำไรจากส่วนต่าง
Short Position
สำหรับนักเทรดที่มองว่าราคาคริปโตมีแนวโน้มจะปรับตัวลดลง การเปิดสถานะ Short ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างโอกาสทำกำไรจากการร่วงของราคา โดยมีลำดับดังนี้
- เลือกแพลตฟอร์มที่รองรับการ Short หรือ Margin Trading
- ตรวจสอบว่าเป็นบัญชีที่อนุญาต Trading แบบยืมเหรียญ
- ยืม Bitcoin จากโบรกเกอร์
- ขายเหรียญที่ยืมมาก่อน ณ ราคาปัจจุบัน
- เมื่อราคา Bitcoin ลดลง คุณซื้อคืนในราคาต่ำกว่า
- คืนเหรียญให้โบรกเกอร์และกวาดกำไรจากส่วนต่าง
ตัวอย่าง หากคุณ Short Bitcoin ที่ 60,000 ดอลลาร์แล้วราคาตกมา 55,000 ดอลลาร์ – คุณซื้อคืนที่ราคาต่ำกว่าคืนให้โบรกเกอร์แล้วเก็บกำไรที่เหลือ
การเลือกกลยุทธ์ การบริหารความเสี่ยง และสิ่งที่ควรระวัง
แม้ว่าการเทรดคริปโตด้วยกลยุทธ์ Long และ Short จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในช่วงตลาดขาขึ้นและขาลง แต่สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการวางแผนอย่างรอบคอบ เพราะทุกการตัดสินใจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงโดยตรง
ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงควรให้ความสำคัญกับการเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตนเอง ควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยง และตระหนักถึงปัจจัยที่ควรระวังก่อนเข้าตลาดจริง
กลยุทธ์ที่นิยมใช้
- ติดตามแนวโน้มตลาด: ถ้าแนวโน้มราคาขึ้น → เปิด Long; ถ้าแนวโน้มลง → เปิด Short
- ปิดหรือปรับตำแหน่ง: เมื่อราคาเคลื่อนตัวไกลเกินไป อาจเปิดเดิมพันว่าราคาจะกลับมาสู่ค่าเฉลี่ย
- ใช้สัญญา Futures: ใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) เพื่อเข้าออกตลาดในราคาที่ตกลงไว้ล่วงหน้า
- เทรดแบบ Leverage: ยืมเงินมากกว่าเงินทุนจริงเพื่อเพิ่มขนาด Position
- Hedging: เปิดตำแหน่ง Short เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถือเหรียญในระยะยาว
การบริหารความเสี่ยง
- สำรองเงินบางส่วนไว้เพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉิน
- ใช้ Stop-Loss เพื่อลดการขาดทุนเมื่อราคาวิ่งสวน
- กำหนดจุด Take-Profit เพื่อเอากำไรเมื่อราคาครบเป้า
- จำกัดสัดส่วนเงินที่ใช้เปิดสถานะ (ไม่ใช้เงินทั้งหมดใน Position เดียว)
- หลีกเลี่ยงการเทรดด้วยอารมณ์และควรมีแผนล่วงหน้าหากเกิดสถานการณ์ไม่คาดคิด
สิ่งที่ควรระวัง
- ความผันผวนสูง: ราคาคริปโตขึ้นลงเร็วมาก — อาจถูกตลาด “ล้างพอร์ต (Liquidation)” ได้
- ข้อกำหนดทางกฎหมาย: หลายประเทศอาจจำกัดการเทรดคริปโตหรือเก็บภาษี
- ค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ย: การยืมเหรียญหรือใช้ Leverage มักมีค่าใช้จ่ายแฝง
- ข่าวสารที่ไม่คาดคิด: ข่าวดีหรือข่าวร้ายเฉียบพลันสามารถพลิกตลาดได้ทันที
- การวิเคราะห์ผิดจังหวะ: วิเคราะห์ผิดทางหรือเข้าออกไม่ถูกจังหวะอาจพลาดโอกาสหรือขาดทุน