จากเหตุการณ์ความไม่สงบของประเทศมหาอำนาจอย่าง รัสเซีย และ ยูเครน ที่กำลังเข้าขั้นวิกฤตส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกเกิดการชะงักตัว รวมถึงการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสันติของชาวโลก
ซึ่งเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างยูเครนและรัสเซียในครั้งนี้ ทำให้ราคาข้าวของและสินทรัพย์ต่าง ๆ มีการปรับราคาขึ้น โดยเฉพาะ “น้ำมัน” ที่ในช่วงปัจจุบันเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม นี้ราคาน้ำมันมีการขยับตัวเพิ่มขึ้นเรียกได้ว่าแทบจะรายสัปดาห์กันเลยทีเดียว ซึ่งปัญหานี้น่าจะเข้ามาสร้างความทุกข์ใจให้กับคนที่ใช้รถใช้ถนนอยู่ทุกวัน
แต่น้อยคนที่จริง ๆ แล้วจะรู้ว่า ราคาน้ำมันขึ้น ก็สามารถบ่งบอกได้ถึงสภาพเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในสภาวะไม่ปกติบางอย่าง ดังนั้นในบทความนี้เราจะขอพาทุกคนมาศึกษากันว่าการที่ราคาน้ำมันแพงนั้น ส่งผลกระทบอย่างไรต่อสภาพเศรษฐกิจและมีแนวโน้มต่อการลงทุนของคุณในอนาคตอย่างไรบ้าง
ราคาน้ำมันในประเทศถึงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชนิดขึ้นกันแบบรายสัปดาห์ นั่นก็เพราะว่าเรื่องของ ความต้องการ Demand และ การผลิต Supply ที่เปลี่ยนไป จากผลกระทบของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นมาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
อีกทั้งในช่วงไม่กี่ปีให้พลังงานไฟฟ้า หรือ พลังงานสะอาด เริ่มเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมยานยนต์มาก ประเทศใหญ่ ๆ ที่เป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจของโลกอย่าง สหรัฐ จีน หรือประเทศในทวีปยุโรปเอง ก็หันมาสนใจและกระตุ้นให้ประชาชนมาใช้งานพาหนะพลังงานไฟฟ้ากันมากขึ้น ซึ่งนโยบายที่ใช้ก็คือ การไม่ควบคุมราคาน้ำมัน ซึ่งพอน้ำมันราคาสูงขึ้น ก็จะทำให้ประชาชนเริ่มหันมาเลือกใช้งานพลังงานไฟฟ้าตามมา
ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซียและยูเครน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันโลก มีการปรับตัวขึ้นเช่นกัน ถึงตรงนี้หลายคนน่าจะสงสัยว่าแล้วเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซียกับยูเครน มีผลอย่างไรต่อราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น เพราะทั้ง 2 ประเทศที่ว่าก็ไม่ใช่ประเทศตะวันออกกลาง ที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก
คำตอบคือ เพราะปัจจุบันสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย และ ยูเครน (มีพรรคพวกเป็นประเทศในทวีปยุโรปเกือบทั้งหมดและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก) นั้นกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น จนกลายเป็นสงครามย่อม ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น รัสเซีย ถือว่าเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา อันดับ 1 และ ซาอุดิอาระเบีย อันดับ 2 ที่แน่นอนว่าเมื่อเกิดภาวะสงครามในรัสเซีย ก็ย่อมส่งผลต่อกำลังการผลิตน้ำมันดิบ ทำให้ราคาของน้ำมันทั่วโลกเพิ่มขึ้นทันที
เป็น 2 ประเทศมหาอำนาจศูนย์กลางน้ำมันโลกมีความขัดแย้งกันอยู่ ซึ่งถ้า 2 ประเทศนี้มีภาวะสงครามกัน ก็จะทำให้ราคาน้ำมันโลก ดีดตัวพุ่งสูงขึ้นไปอีกเป็นเรื่องธรรมดา
ไม่จริง เพราะถ้าราคาน้ำมันขึ้น จะทำให้สภาพเศรษฐกิจถดถอยลง มูลค่าต้นทุนการผลิตจะมีการเพิ่มขึ้น สินค้าต่าง ๆ ก็จะแพงขึ้น และสินทรัพย์ที่แปรผกผันโดยตรงกับเศรษฐกิจ อย่าง หุ้น ก็จะร่วงลง ยกเว้นหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) ที่เป็นปัจจัย 4 ของการใช้ชีวิตของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว ราคาจะไม่ปรับลดมาก
แต่ไม่ใช่กับทองคำ ที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ ที่ก็จะมีมูลค่าสูงอยู่ตลอดเวลา หรือต่อให้ราคาทองร่วม ก็จะร่วงไม่มากและไม่นาน ไม่กระทบกับการลงทุนทองคำของเราแน่นอน
โดยถ้าอ้างอิงจากแนวคิด Investment Clock นั้นจะพบว่าอีกไม่นานสถานการณ์ของโลกน่าจะอยู่ในช่วงวัฏจักรของ Reflation Stage หรือช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจมีปริมาณเงินหมุนเวียนมากขึ้น วัฏจักรนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงหลังจากที่โลกเกิดเหตุการณ์ที่ผิดปกติ อย่างภาวะสงครามที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ ตอนนี้ ทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมีราคาขายมากขึ้น
ซึ่งตอนนี้ข้อมูลล่าสุด (เดือนมีนาคม 2022) ราคาขายของทองคำในประเทศก็พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 30,000 บาทแล้ว นอกจากนั้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 ราคาของทองคำมีการปรับตัวขึ้น-ลงถึง 17 ครั้งในวันเดียว
หากใครรับความเสี่ยงในหุ้นไม่ไหว แต่อยากลงทุนในปี 2022 ช่วงที่ราคาน้ำมันแพงหรือช่วงที่เศรษฐกิจกำลังชะงักตัวนั้น เราชี้เป้าไปที่การลงทุนด้วยสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ เงินสด เงินฝาก เพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเองอยู่ตลอด ราคาไม่ปรับลดอย่างรวดเร็วหรือผันผวนตามสภาพเศรษฐกิจ
แต่ถ้าจะให้เลือกแค่ 1 สินทรัพย์ที่ควคค่ากับการลงทุนในช่วงนี้ ก็คงต้องบอกว่าเป็น ทองคำ เพราะถ้าเปรียบเทียบกับการฝากเงินในธนาคาร หรือเก็บเงินสดไว้กับตัวนั้น ทองคำจะให้มูลค่าของกำไร ที่สูงกว่าเยอะ และมีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ในอนาคตแน่นอน เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าการฝากเงินชัดเจน
เนื่องจากผลตอบแทนของการฝากเงินในบัญชีหากเปรียบเป็นจำนวนความต่างแล้ว จะไม่สามารถเอาชนะ ภาวะเงินเฟ้อ ได้เลย
ดังนั้นการที่คุณเลือกสินทรัพย์สำหรับลงทุนเป็นสินทรัพย์อย่าง “ทองคำ” ก็จะช่วยทำกำไร สร้างผลตอบแทนให้คุณได้ในช่วงที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ซึ่งสถานการณ์ในอนาคตตอนนี้เราก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าทิศทางจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ที่แน่นอนคือ ทองคำ ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงอยู่ตลอด แม้ว่าสถานการณ์โลกจะเกิดวิกฤตอย่างไรต่อไป
และสำหรับใครที่ต้องการเริ่มลงทุนในทองคำ แบบไม่ต้องใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่ เน้นความสะดวกรวดเร็ว เราขอแนะนำแอปพลิเคชัน SBK Gold เป็นแอปพลิเคชันซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์ที่ช่วยให้คุณเทรดทองคำได้อย่างสะดวกสบาย รวดเร็วและปลอดภัย ด้วยระบบอัปเดตราคาทองคำ Realtime และมีระบบเครดิต T+3 ดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS และ Android
พร้อมรับประกันความปลอดภัย ได้รับการรับรองจากสมาคมค้าทองคำ และยังมีทีมงานประสบการณ์มากกว่า 15 ปี มีหน้าร้านจริง (ถนนประชาอุทิศ) ให้คำปรึกษาตลอดการใช้งาน พร้อมแนะนำวิธีการสร้างรายได้จากการลงทุนทองคำให้คุณ มือใหม่ไม่มีพื้นฐาน ก็สมัครได้
เริ่มใช้งานแอปพลิเคชัน SBK Gold และลงทุนทองคำ เพื่อสร้างกำไรได้ตั้งแต่วันนี้ >> สมัครสมาชิกและเริ่มใช้งาน
เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ คุณก็ได้เป็นเจ้าของทองคำและแอปที่ใช้งานง่ายสุดๆ