เปรียบเทียบชัด! ทองคำ VS คริปโทเคอร์เรนซี สินทรัพย์แบบไหนควรค่าแก่ลงทุนในช่วงนี้มากกว่ากัน

SBK Gold จะมาอธิบาย และชี้ถึงข้อแตกต่างของการลงทุนทั้ง 2 แบบระหว่าง ‘ทองคำ’ และ ‘คริปโทเคอร์เรนซี’ โดยท้ายบทความจะมีสรุป แนะนำสินทรัพย์ที่เหมาะสมที่สุดที่คุณควรเลือกลงทุนในปัจจุบัน

ด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน ทำให้ทุกคนทราบกันดีว่ามีผลกระทบโดยตรงต่อตลาดการลงทุนทั่วโลก และทำให้เกิดข้อสงสัยภายในกลุ่มผู้ลงทุนส่วนใหญ่ว่า ‘คริปโทอาจจะไม่ใช่สินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนแล้วก็เป็นได้’ เนื่องด้วยมูลค่าของคริปโทเคอร์เรนซีที่ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง มีความผันผวนสูง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเหรียญแต่ละชนิดที่คุณเลือกถืออยู่

ในทางกลับกัน ‘ทองคำ’ สินทรัพย์ที่ปลอดภัย ได้มีราคาพุ่งสูงสุดในรอบปี ราคาขึ้นไปแตะจุด New High ที่ราคา 31,780 บาท หลังจากในปี 2020 เคยทำราคาเอาไว้อยู่ที่ราว ๆ 30,000 บาท ดังนั้นสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ ที่มีความลังเลว่าสินทรัพย์ประเภทไหน จะเหมาะสมที่สุดกับการลงทุนในช่วงนี้ ระหว่าง ‘คริปโทเคอร์เรนซี’ ที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยม เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลสมัยใหม่ กับ ‘ทองคำ’ ที่มีมูลค่าตลอดกาล มีความปลอดภัยหาที่เปรียบยาก ราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นบทความนี้ SBK Gold จะมาวิเคราะห์ให้คุณเห็นถึงข้อแตกต่างของทั้ง 2 สินทรัพย์นี้อย่างชัดเจน รวมถึงตอบคำถามว่า สินทรัพย์แบบไหนควรค่าแก่การลงทุนในช่วงนี้มากที่สุด มาติดตามกันได้เลย

คริปโทเคอร์เรนซี คืออะไร ?

คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือ สินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังได้รับความสนใจจากบรรดานักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทย และหากพูดถึงคริปโทเราก็มักจะนึกถึงหนึ่งในสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี อย่าง ‘Bitcoin’ ซึ่งนักวิเคราะห์ได้กล่าวเอาไว้ว่า คริปโทเคอร์เรนซี จะเข้ามามีบทบาทสำคัญของการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคตข้างหน้า

ภาพจาก nextens

หลักการทำงานหลัก ๆ ของคริปโทเคอร์เรนซี จะใช้หลักการ ‘เข้ารหัส’ (Crypto) เพื่อรับประกันการทำธุรกรรมและยืนยันความถูกต้องของการโอนสินทรัพย์ผ่าน ‘บล็อกเชน’ (Blockchain) ซึ่งเป็นกล่องเก็บบัญชีที่จะมาเก็บข้อมูลธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ไม่มีตัวกลาง ย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงได้ยาก หรือกล่าวได้ว่ามีความปลอดภัยอยู่พอสมควร

ภาพจาก coingape

การทำกำไรผ่านคริปโทเคอร์เรนซี นั้นจะมีความคล้ายคลึงกับการลงทุนหุ้น นั่นคือการซื้อไว้เพื่อ ‘เก็งกำไร’ (Speculation) ซึ่งราคาในการซื้อขายแปรผันตามกลไกตลาดและความต้องการของแต่ละเหรียญ และผู้ลงทุนไม่จำเป็นจะต้องลงทุนเต็มจำนวน 100% โดยสามารถซื้อเหรียญย่อยได้ถึง 0.00000001 Bitcoin (ราว ๆ 0.004 บาท) หรือจะพิจารณาเลือกถือเหรียญตัวอื่น ๆ เช่น Ethereum (ETH), Binance Coin (BNB) หรือ Dogecoin (DOGE) ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

ข้อดีของการลงทุนใน คริปโทเคอร์เรนซี มีอย่างไรบ้าง ?

คริปโทเคอร์เรนซีเป็นการลงทุนที่มีข้อดีคือการเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นการลงทุนที่เห็นผลไว ซื้อขายได้ 24 ชั่วโมง และถึงแม้ว่าการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี จะมีความเสี่ยงสูง แต่ยิ่งเสี่ยงสูง ก็ยิ่งได้รับผลตอบแทนมาก (High Risk, High Reward) รวมถึงมีตัวเลือกเหรียญให้เลือกถือเยอะ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน

อีกทั้งคริปโทเคอร์เรนซี ยังเป็นการลงทุนที่สามารถทำได้ง่าย โดยรู้หรือไม่ ? ว่าประชากรของประเทศไทยมีอัตราการถือครองเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี มากที่สุดในโลก โดยมีสัดส่วนการถือครองอยู่ที่ 20.1% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยการถือครองทั้งโลกอยู่ที่ 10.2 % เท่านั้น นับว่ามีสัดส่วนมากกว่าถึงหนึ่งเท่าตัว

มากไปกว่านั้น เหรียญคริปโทเคอร์เรนซีแต่ละเหรียญยังมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ทำให้นำไปใช้งานธุรกรรมได้หลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น เหรียญ Ethereum สามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นโทเคนอื่น ๆ เช่น NFT, เหรียญ Binance ที่สามารถนำไปใช้แลกเปลี่ยนเหรียญนอกกระดานได้ หรือเหรียญ Tether ที่มีเสถียรภาพ (Stable Coin) ตัวแรกของโลก มีค่าเงินคงที่ ใช้แทนเงิน USD ได้ เป็นต้น

ข้อดีของการลงทุนใน ทองคำ มีอย่างไรบ้าง ?

การลงทุนทองคำเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่กำลังได้รับความสนใจและมีข้อดีมากมาย เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าไม่แพ้การลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี แต่สิ่งที่เหนือกว่าคือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์มั่นคงที่มูลค่าไม่เสื่อมไปตามกาลเวลา มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และมีหลักประกันคือเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ มีความปลอดภัยสูง เพราะไม่ใช่สิ่งที่ถูกเขียนขึ้นมาด้วยภาษาคอมพิวเตอร์

ภาพจาก tops1markets

อีกทั้งเทคโนโลยีสมัยใหม่ ยังสามารถนำเข้ามาร่วมใช้กับการลงทุนทองคำได้ กลายมาเป็นแอปพลิเคชันการทำธุรกรรมลงทุนทองคำออนไลน์ ที่ทำให้ลงทุนได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่เสียโอกาสการลงทุน รวมถึงยังสามารถรับข่าวสาร ศึกษาแนวโน้มราคาทองคำก่อนการลงทุนได้อย่างง่ายดาย

มากไปกว่านั้น ทองคำ เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง เมื่อเกิดสถานการณ์ความไม่สงบ การลงทุนทุกชนิดบนโลกจะได้รับผลกระทบ และมีราคาดิ่งลงอย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ทิศทางราคาทองคำจะสูงขึ้น สวนทางกับสถานการณ์โลกอย่างสิ้นเชิง

ความแตกต่างระหว่างการลงทุนใน ทองคำ และ คริปโทเคอร์เรนซี มีอะไรบ้าง ?

ทองคำ เป็นการลงทุนที่มีความผันผวนน้อยกว่า รวมถึงสามารถวิเคราะห์และสังเกตแนวโน้มของราคาในอนาคตได้โดยปัจจัยจากประเทศมหาอำนาจ และสถานการณ์โลก เช่น อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกา, อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) วิกฤตการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และราคาน้ำมันในตลาดโลก เป็นต้น

ภาพจาก thetechtrend

คริปโทเคอร์เรนซี เป็นการลงทุนที่มีความผันผวนสูง สามารถทำกำไร-ขาดทุนได้แบบรายชั่วโมง ต้องมีความรอบคอบในการตัดสินใจลงทุนเป็นอย่างมาก โดยปัจจัยที่มีผลต่อความผันผวนจะมาจากปริมาณการทำธุรกรรมของเหรียญแต่ละสกุล, ความยากในการขุดเหรียญ (Difficulty) และกำลังในการขุดเหรียญ (Hash Rate), รวมถึงช่องทางข่าวสารของบุคคลที่ 3 จากแพลตฟอร์มโซเชียล

ทองคำ เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย สามารถจับต้องได้ ซื้อขายได้ง่าย โดยเฉพาะ ทองคำแท่ง ที่ต้องจัดเก็บในสถานที่ปลอดภัย เช่น ตู้เซฟ แต่ในปัจจุบันก็มีแอปพลิเคชั่นออมทองที่สามารถลงทุนทองคำแบบ Digital ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ไม่ต้องเก็บทองไว้เองอีกต่อไป มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีกระดับ มากไปกว่านั้น ทองคำยังมีสภาพคล่องในยามฉุกเฉินสูง เป็นหลักทรัพย์ที่ช่วยค้ำประกันได้เมื่อเหตุการณ์ขึ้นในโลก เช่น สถานการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศ และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นต้น

คริปโทเคอร์เรนซี เป็น Digital Currency ที่จับต้องไม่ได้ แต่มีความปลอดภัยสูง โดยจะถูกเก็บเอาไว้ใน Hot Wallet ที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการเก็บเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีที่เชื่อมต่อกับ Internet ตลอดเวลา เช่น Binance, Bitkub, Coinbase หรือจัดเก็บใน Cold Wallet ที่เป็น Hardware Wallet แบบ Offline เช่น ไดรฟ์ USB, Paper Wallet, Desktop Wallet เป็นต้น 

การลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีโดยทั่วไปจะมีสภาพคล่องในการลงทุนสูง เพราะมีจำนวนเหรียญให้เลือกลงทุนเยอะ สร้างโอกาสในการลงทุนได้มากมาย และสามารถทำการซื้อ-ขายได้ทั่วโลก ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ในกรณี สถานการณ์ฉุกเฉิน มูลค่าอาจถูกกดดันจนถึงจุดต่ำสุดได้ทันที มีความเสี่ยงขาดทุนมหาศาล

ทองคำ เป็นการลงทุนที่หลายคนคุ้นเคย เข้าใจง่าย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนแบบกองทุนรวม, ทองคำแท่ง, ทองคำเส้น หรือออมทองผ่านแอปพลิเคชันออนไลน์ โดยทองคำถูกรับรองให้เป็นการลงทุนที่ถูกกฏหมาย โดย ก.ล.ต. (คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) 

การลงทุน คริปโทเคอร์เรนซี อาจสร้างความสับสนให้กับมือใหม่ เพราะในตลาดมีเหรียญเกิดใหม่ขึ้นทุกวัน รวมถึงผู้ลงทุนยังต้องศึกษาการใช้แอปพลิเคชันสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีที่มีความละเอียดมากกว่าการลงทุนในแอปพลิเคชันซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำ 

ภาพจาก ch3plus

มากไปกว่านั้น วันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ก.ล.ต. (คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) ได้ออกกฎห้ามใช้ คริปโทเคอร์เรนซี ในการจ่ายชำระค่าสินค้า บริการ เว้นลงทุน โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2022 เป็นต้นไป

สถานการณ์ปัจจุบัน ควรเลือกลงทุนในสินทรัพย์แบบไหน ระหว่างทองคำ VS คริปโทเคอร์เรนซี

ดังนั้นหากวิเคราะห์แนวโน้มการลงทุนที่น่าสนใจในขณะนี้ การลงทุน ‘คริปโทเคอร์เรนซี’ อาจไม่ใช่ตัวเลือกอันดับแรกอีกต่อไป เนื่องด้วยมูลค่าที่ตกต่ำลงในไตรมาสแรกของปี 2022 ถึง -9.68%, ตัวกฏหมายการลงทุนที่ยังไม่นิ่ง มีกฏข้อห้ามเพิ่มเติมมากมาย ทำให้ผู้ถือครองเหรียญมีภาระมากขึ้น เช่น การหาช่องทางในการยื่นชำระภาษี, การศึกษากฏหมายในการลงทุนเพิ่มเติม, ได้ผลกำไรน้อยลง ฯลฯ 

ประกอบกับการที่รัฐบาล เรียกเก็บภาษีคริปโทเคอร์เรนซี ทำให้ผู้ถือครองเหรียญหลายคนในประเทศไทยต่างเสาะหาวิธีการในการเลี่ยงภาษี เช่น การย้ายกระดานไปลงทุนในแพลตฟอร์มต่างประเทศ ส่งผลให้ปริมาณการลงทุนภายในประเทศลดลง

ในทางกลับกัน ทองคำ ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกการลงทุนที่ปลอดภัยที่หลาย ๆ คนยังให้ความนิยม เพราะหากมองย้อนกลับไปยังมูลค่าของทองคำในอดีต จะพบว่า ทองคำมีมูลค่าเริ่มต้นที่หลักร้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไป มูลค่าก็ได้เพิ่มขึ้นจนถึงหลักหมื่น นับว่าเป็นการลงทุนระยะยาวที่มีความยั่งยืน มูลค่าไม่ลดลงรวดเร็วเท่ากับคริปโทเคอร์เรนซี และเป็นหลักประกันที่ทำให้อุ่นใจยามเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ ไม่เสื่อมสลายหายไปจากมือของผู้ลงทุน

และหากมองสถานการณ์การลงทุนทองคำโลก จะพบได้ว่า ปี 2021 เป็นปีที่มีความต้องการทองคำสูงที่สุดในประวัติการณ์ โดยมีปริมาณเกิน 4,000 ล้านตัน โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 ความต้องการทองคำทั่วโลกแตะ 1,147 ตัน เป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 เป็นต้นมา

มากไปกว่านั้น ทองคำแท่งและทองคำเหรียญยังมีความต้องการเพิ่มขึ้น 31% เป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 8 ปีที่ 1,180 ตัน และมีผลตอบแทนในปี 2022 เพิ่มขึ้น 0.26% เหตุผลก็คล้ายกับที่เราได้อธิบายเอาไว้ว่า ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย มีมูลค่าเสมอ แม้อยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ 

สรุปทั้งหมด 

ดังนั้น การลงทุนที่เราแนะนำมากที่สุดในขณะนี้ก็คือ ทองคำ ที่มีราคาดีที่สุด มีความปลอดภัยในการลงทุนสูง รวมไปถึงมีแนวโน้มของราคาที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ (อ้างอิงจากสถานการณ์โลกที่กำลังปะทุหนักในปัจจุบัน)

ผู้ที่สนใจอยากจะเริ่มลงทุนทองคำในตอนนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องศึกษาการใช้งานและเตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้ยุ่งยาก เพราะการลงทุนทองคำสามารถทำผ่านแอปพลิเคชันซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์ SBK Gold (SABAIKUBGOLD) ได้ทั้งบนแพลตฟอร์ม iOS และ Android 

หลังจากดาวน์โหลดเสร็จก็ทำการเปิดบัญชี ที่นี่ โดยทำการกรอกข้อมูลชื่อ, อีเมล, Line ID และเบอร์โทรศัพท์ จากนั้นก็รอการอนุมัติเปิดบัญชีของคุณได้เลย อนาคตทางการเงินอยู่ที่ปลายนิ้วของคุณแล้ว !

เปิดบัญชีตอนนี้ ฟรี!

เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ คุณก็ได้เป็นเจ้าของทองคำและแอปที่ใช้งานง่ายสุดๆ