อะไรคือ GDP ทำไมนักลงทุนทองคำอย่างคุณ จึงต้องสนใจสิ่งที่เรียกว่า GDP เป็นพิเศษ?

ก่อนจะเริ่มเป็นนักลงทุนนั้น ทุกคนย่อมรู้อยู่แล้วว่าจะต้องพบเจอกับความเสี่ยงและเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอน เราจึงต้องศึกษาข้อมูลของการลงทุนให้ถี่ถ้วนเท่านั้นที่จะทำให้เรารู้สึกมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเองว่า จะทำให้การลงทุนนั้นต่อยอดและมั่นคงได้

ก่อนจะเริ่มเป็นนักลงทุนนั้น ทุกคนย่อมรู้อยู่แล้วว่าจะต้องพบเจอกับความเสี่ยงและเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอน เราจึงต้องศึกษาข้อมูลของการลงทุนให้ถี่ถ้วนเท่านั้นที่จะทำให้เรารู้สึกมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเองว่า จะทำให้การลงทุนนั้นต่อยอดและมั่นคงได้

ซึ่งการจะเป็นนักลงทุนมืออาชีพได้นั้น จะต้องศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่จะลงทุน และยังต้องศึกษาสิ่งรอบตัวที่อาจทำให้มีผลกระทบต่อสิ่งที่จะลงทุน เพื่อเป็นการวางแผนและสร้างรากฐานให้กับตัวคุณเอง เพราะการลงทุนนั้นย่อมต้องการสร้างผลกำไร

การลงทุนกับทองคำก็เช่นกัน ก่อนจะเริ่มลงทุนนั้นควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับทองคำให้มากพอ และสิ่งรอบด้านที่มีปัจจัยทำให้ราคาทองขับเคลื่อนหรือถดถอยลง เช่น ค่าเงินดอลล่าสหรัฐฯ อัตราเงินเฟ้อต่างๆ ความต้องการของตลาด และความไม่นอนของสถานการณ์โลก

ซึ่งในบทความนี้เราขอยกอีกตัวอย่างและเป็นอีกหนึ่งใจความสำคัญที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำนั้น คือผลิตภัณฑ์ที่มาจากต่างประเทศทั่วโลก ที่เป็นรายได้เกิดขึ้นจากประเทศ ไม่ว่าจะสัญชาติใดก็ตาม หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า GDP นั่นเอง


GDP คืออะไร?

GDP (Gross Demestic Product) คือการนับรายได้เฉลี่ยที่เกิดจากภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากผลิตภัณฑ์ของจากสัญชาติใดก็ตามที่อยู่ภายในประเทศก็คือความเคลื่อนไหวของในประเทศทั้งหมด

โดย GDP จะประกอบไปด้วย

C - Consumption คือ การบริโภคของภาคเอกชนและประชาชน การจับจ่ายใช้สอยทั่วไปเช่น ค่าอาหาร สาธารณูปโภค

I - Investment คือ การลงทุนของภาคเอกชนในการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ เช่น ถนนทางเดิน รถไฟฟ้า

G - Government Spending คือ การใช้จ่ายของรัฐบาล หรือการลงทุนภาครัฐ ตามนโยบายต่างๆ

X - Export คือ การส่งออก (ขายสินค้าให้กับต่างประเทศ)

M - Import คือ การนำเข้า (รับสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย)

โดยสมการที่คำนวณก็คือ C+I+G+(X-M) = เป็นการดูมูลค่าการส่งออกสุทธิ เปรียบการส่งออกคือรายได้ การนำเข้าคือรายจ่าย เป็นการคิดเพื่อให้รู้ว่าเราเหลือเงินเท่าไหร่ โดยการเอารายได้หักกับรายจ่าย เพื่อเป็นผลลัพธ์ของกำไรสุทธิ

ซึ่ง GDP ของไทยอาจไม่ได้มีผลกระทบต่อราคาทองคำมากเท่ากับ GDP ของสหรัฐอเมริกา ที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำมากที่สุด เพราะอเมริกาเป็นประเทศที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก โดยไม่ใช่แค่ทองคำเท่านั้น แต่เป็นทรัพย์สินแทบทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบ


GDP + และ GDP - คืออะไร และแตกต่างกันอย่างไร ?

GDP + คือ สิ่งที่แสดงถึงภาพรวมเมื่อเศรษฐกิจเติบโตขึ้น มีจำนวนเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น แต่ก็อาจมีผลกระทบที่ตามมาอย่าง อัตราเงินเฟ้อสูง เพราะยิ่งมีคนต้องการซื้อสินค้ามากเท่าไหร่ ก็สามารถดันราคาของสินค้านั้นขึ้นได้เช่นกัน

ตัวอย่าง GDP + เช่นคอมพิวเตอร์ยี่ห้อดังรุ่นหนึ่งจะทำการเปิดตัวและวางขาย มีสื่อมากมายที่ทำการโฆษณาเพื่อให้ผู้คนที่สนใจได้ติดตาม จนในวันที่ประกาศขายวันแรก ผู้คนฮือฮาและพากันแห่ไปซื้อจนต้องต่อคิวยาวเลยทีเดียว จึงสามารถตั้งราคาที่สูงได้ เพราะมั่นใจว่าจะมีคนซื้อแน่นอน

GDP - คือ เครื่องหมายตรงกันข้ามกับ + ซึ่งแน่นอนมันเป็นสิ่งที่แสดงถึงภาพรวมเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวลง มีจำนวนเงินหมุนเวียนในประเทศที่ลดน้อยลง โดยสาเหตุเป็นเพราะผู้คนอาจไม่ได้ต้องการสินค้านั้นแล้ว หรือเป็นช่วงจุดอิ่มตัวนั่นเอง

ตัวอย่าง GDP- เช่นในจังหวะที่คอมพิวเตอร์รุ่นนั้นเป็นที่ต้องการอย่างมาก ทำให้ผู้คนแห่ไปต่อแถวซื้อ เพราะอยากได้มาครอบครอง แต่ในความเป็นจริง ทุกอย่างย่อมมีจำนวนจำกัด เมื่อเลยจุดพีคไป จำนวนคนที่จะซื้อคอมพิวเตอร์ก็ลดลงไป รวมถึงราคาสินค้าก็จะลดลงด้วยเช่นกัน


GDP ส่งผลอย่างไรต่อการลงทุนทองคำของคุณ

ก่อนอื่นคุณต้องรู้ก่อนว่าราคาทองคำนั้นจะขึ้นอยู่กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะประเทศไทยเราไม่สามารถผลิตทองคำได้เอง จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ โดยตลาดทองคำทั่วไปจะใช้ค่าเงินสหรัฐฯเป็นอ้างอิงในการซื้อขาย อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทกับค่าเงินสหรัฐฯจึงมีผลกระทบต่อราคาทองคำ

ซึ่ง GDP ที่เรียกว่าเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นในประเทศ เมื่อเศรษฐกิจโลกหดตัวลงจากสถานการณ์อย่าง Covid-19 ที่ได้ระบาดไปทั่วโลก ดอลลาร์สหรัฐฯที่เป็นค่าเงินอ้างอิงในทองคำ ค่า GDP ของประเทศสหรัฐอมเริกา จึงเป็นผลกระทบหลักของราคาในทองคำจากทั่วโลก

นี่เป็นสิ่งที่คุณจะต้องให้ความสำคัญ เมื่อราคาทองขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ค่า GDP จะเป็นตัวบอก ยิ่งคาดการณ์ GDP ต่ำหรือติดลบมากเท่าไหร่ โอกาสของราคาทองก็ยิ่งมีแนวโน้มมากขึ้นเท่านั้น เช่นเดียวกัน หาก GDP เป็นค่าบวก ราคาทองก็จะลดลง สวนทางกับเศรษฐกิจ

ส่วนค่า GDP ในประเทศของเรา ก็มีส่วนทำให้ราคาทองมีผลกระทบเช่นกัน โดยปัจจุบัน ค่า GDP ในประเทศไม่ได้ติดลบเยอะมากนัก ทำให้ราคาทองที่เพิ่มสูงขึ้นมีโอกาสปรับลดลงได้เรื่อยๆเช่นกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจและค่าเงินหลักอย่างดอลลาร์สหรัฐฯนั่นเอง


เพราะช่วงนี้คือช่วงที่ดีที่สุดของการลงทุนในทองคำ

หลังจากที่คุณได้เข้าใจความหมายของ GDP ที่เป็นเหมือนความรู้โดยรวมในการลงทุน นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในทองคำแล้ว เพราะ GDP และเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวจากวิกฤต Covid - 19 ส่งผลให้ราคาทองคำนั้นยังสามารถขึ้นได้ต่อเนื่อง

ยิ่งช่วงเดือนกรกฏาคม - สิงหาคม ที่ผ่านมา ราคาทองคำนั้นได้ทำ New High (ราคาทองคำสูงสุดในรอบหลายปี) ทำเอาผู้คนต่างรีบไปขายทองกันเต็มร้าน แถมยังมีโอกาสที่ราคาทองคำจะมีแนวโน้มสูงขึ้นอีกได้ด้วย


สรุปทั้งหมด

เมื่อคุณเข้าใจความหมายและที่มาที่ไปของราคาทองคำแล้วอยากเริ่มลงทุน หากคุณกำลังต้องการตัวช่วยดีๆ ที่จะช่วยให้คุณสร้างกำไรจากการลงทุนในทองคำ

เราจึงอยากแนะนำตัวช่วยที่ดีอย่าง SBK Gold แอปพลิเคชัน ซื้อ-ขายทองคำแท่งออนไลน์แบบ Real Time

สะดวก ปลอดภัย เมื่อทองราคาสูงขึ้นสามารถขายทำกำไรได้ทันที และพิเศษกว่าด้วยระบบเครดิต T+3 ขายทำกำไรด้วยเครดิตล่วงหน้า ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง พร้อมให้บริการแล้วทั้ง IOS และ Andriod

เปิดบัญชีตอนนี้ ฟรี!

เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ คุณก็ได้เป็นเจ้าของทองคำและแอปที่ใช้งานง่ายสุดๆ