หากคุณเป็นคนที่สนใจหรืออยากจะเริ่มลงทุนทองคำ แต่ยังไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน เราขอแนะนำว่าคุณควรจะเริ่มต้นจากการดูแนวโน้มและวิเคราะห์ทิศทางราคาทองคำ เพราะจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการลงทุนและซื้อขายทองคำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การอ่านกราฟแท่งเทียน เป็นหนึ่งในวิธีการคาดการณ์แนวโน้มตลาดและราคาทองคำ ที่นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกใช้ เนื่องจากกราฟแท่งเทียน ให้ข้อมูลอย่างครอบคลุม ทั้งราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด ราคาเปิดและราคาปิด
ในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ กราฟแท่งเทียน และรูปแบบของกราฟแท่งเทียนที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ที่คุณไม่ควรมองข้าม
กราฟแท่งเทียนมีความสำคัญอย่างไร? ต่อการวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ
การอ่านกราฟแท่งเทียน ช่วยให้คุณสามารถคาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำได้ดีมากขึ้น ดังนี้
- อ่านอารมณ์และพฤติกรรมของเทรดเดอร์หรือผู้ที่เข้ามาซื้อขายในตลาด ถึงแรงซื้อและแรงขายในรูปแบบของแท่งเทียนและไส้เทียน ดูความกระตือรือร้นของคนที่ต้องการซื้อและคนที่ต้องการขาย บ่งบอกว่าการซื้อขายทองคำในช่วงเวลานั้นมีทิศทางอย่างไร เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อขาย
- กราฟแท่งเทียนให้ข้อมูลเพียงพอในการวิเคราะห์เพื่อซื้อขายทองคำ ไม่ว่าจะเป็นราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุดของวันนั้น
- กราฟแท่งเทียนมีรูปแบบชัดเจน ไม่ซับซ้อน ซึ่งเทรดเดอร์ทำความเข้าใจได้ง่าย ทำให้สามารถวิเคราะห์ทิศทางและแนวโน้มของราคาทองคำได้ดี
กราฟแท่งเทียน มีลักษณะอย่างไร ?
ส่วนประกอบของกราฟแท่งเทียน

- แท่งเทียน (Real Body) หมายถึง ระยะห่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดของวัน โดยแบ่งออกเป็น 2 สี ได้แก่
- แท่งสีเขียว หมายถึง ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด
- แท่งสีแดง หมายถึง ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด
- ราคาเปิด (Open Price) หมายถึง ราคาซื้อขายแรกของทองคำตั้งแต่เปิดตลาด
- ราคาปิด (Close Price) หมายถึง ราคาสุดท้ายของทองคำก่อนตลาดปิด
- ราคาสูงสุด (High Price) หมายถึง จุดราคาของทองคำที่เคลื่อนไหวขึ้นไปสูงสุดของวัน
- ราคาต่ำสุด (Low Price) หมายถึง จุดราคาของทองคำที่เคลื่อนไหวลงไปต่ำสุดของวัน
รูปแบบของกราฟแท่งเทียน ที่นักลงทุนทองคำต้องรู้
1. Doji
Doji คือ รูปแบบของแท่งเทียน ที่ราคาเปิดและราคาปิดอยู่ในตำแหน่งเดียวกันหรือใกล้เคียง แสดงให้เห็นว่ามีแรงซื้อและแรงขายเท่า ๆ กัน ซึ่งการเกิดกราฟแท่งเทียน Doji อาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนทิศทางของแนวโน้มราคาทองคำที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากแนวโน้มราคาทองคำ ณ ปัจจุบันอ่อนแรงลง โดยเกิดจากแรงซื้อและแรงขาย
Doji มีหลากหลายรูปแบบ ดังนี้

- Doji
รูปแบบของแท่งเทียนที่ไส้เทียนบนและล่างมีความยาวเท่า ๆ กัน เนื่องจากมีความเคลื่อนไหวราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุดและราคาต่ำสุด ไม่ห่างกันมากนัก แท่งเทียนมีลักษณะเหมือนกับเครื่องหมายบวก (+) บ่งบอกถึงทิศทางราคาที่ไม่ชัดเจนและสภาพคล่องลดลง
- Long-Legged Doji
รูปแบบของแท่งเทียนที่มีไส้เทียนค่อนข้างยาว ทั้งไส้ด้านบนและด้านล่าง มีลักษณะคล้ายกับขายาว ๆ จึงถูกเรียกว่า Long-Legged Doji ซึ่งบ่งบอกถึงความผันผวนอย่างมากของราคาทอง โดยราคาทองดีดสูงขึ้นและต่ำลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีแรงซื้อและแรงขายเข้ามามากในจำนวนเท่า ๆ กัน ทำให้ราคาทองกลับมาปิดที่ราคาเปิดเท่าเดิมหรือใกล้เคียง
- Gravestone Doji
รูปแบบของแท่งเทียนที่ไส้เทียนบนยาว ไส้เทียนล่างเล็กน้อยหรือไม่มีเลย มีลักษณะรูปร่างคล้าย ‘ป้ายหลุมศพ’ จึงถูกเรียกว่า Gravestone เนื่องจากความเคลื่อนไหวของแรงซื้อเพิ่มขึ้นมาก ราคาจึงพุ่งขึ้น ทำให้ไส้เทียนบนยาว หลังจากนั้น ถูกกดลงด้วยแรงขายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนปิดราคาเท่ากับราคาเปิดหรือต่ำกว่าในตอนแรก บ่งบอกถึงสัญญาณจุดกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง
- Dragonfly Doji
รูปแบบของแท่งเทียนที่ตรงข้ามกับ Gravestone Doji โดยสิ้นเชิง โดยมีไส้เทียนบนเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ไส้เทียนล่างยาว มีลักษณะคล้าย ‘แมลงปอ’ จึงมีชื่อว่า Dragonfly Doji เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการกลับตัวทิศทางราคาทองคำ แสดงถึงความเคลื่อนไหวของแรงขายที่ลดลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นมีแรงซื้อพุ่งขึ้นทันที ราคาปิดอยู่ที่ราคาเปิด หรือสูงกว่าเล็กน้อย
2. Hammer
Hammer คือ กราฟแท่งเทียนที่แสดงออกในรูปแบบค้อน ที่มีรูปแบบการกลับตัวที่เกิดขึ้นในภาวะตลาดขาลง ซึ่งบ่งบอกถึงสัญญานการกลับทิศทางของแท่งเทียน เป็นจุดกลับตัวหลังจากที่ราคาทองคำต่ำลงมาระยะหนึ่ง เนื่องจากแรงขายอ่อนแรงลงและมีแรงซื้อกลับมาค่อนข้างมาก แรงซื้อจึงดันให้ราคาทองคำปิดในราคาจุดสูงสุดหรือสูงขึ้นได้
โดย Hammer จะมีลักษณะแท่งเทียนสั้น ไส้เทียนล่างจะค่อนข้างยาว ในการดูกราฟแท่งเทียนแบบค้อน ควรดูแท่งเทียนต่อไปหลาย ๆ แท่ง เพื่อดูแนวโน้มราคาทองคำว่าจะมีโอกาสกลับตัวขึ้นหรือไม่ ถ้าหากแท่งเทียนต่อไปเป็นแท่งสีเขียว จะถือว่ามีแนวโน้มที่ราคาทองคำสูงขึ้น

3. Hanging Man
Hanging Man รูปแบบของกราฟแท่งเทียนที่เกิดขึ้นในระหว่างเทรนด์ขาขึ้น เป็นการกลับตัวที่เกิดขึ้นใกล้จังหวะสิ้นสุดแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งบ่งบอกถึงสัญญาณกลับทิศทางจากขาขึ้นเป็นขาลง จุดกลับตัวหลังจากที่ราคาทองคำขึ้นมาระยะหนึ่ง เนื่องจากแรงซื้ออ่อนแรงลงและมีแรงขายกลับมาค่อนข้างมาก แรงขายจึงดันให้ราคาทองคำปิดในราคาจุดต่ำสุดหรือหรือต่ำลงกว่าเดิมได้
โดยจะมีลักษณะแท่งเทียนสั้น ไส้เทียนล่างค่อนข้างยาว เหมือนกับ Hammer แต่ต่างกันที่ Hanging Man เกิดในแนวโน้มขาขึ้น
4. Bullish Engulfing & Bearish Engulfing

Bullish Engulfing คือ ราคาทองคำมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยกราฟแท่งเทียนในช่วงเวลานั้นจะเฉียงขึ้น ซึ่งบ่งบอกได้ว่ามีแรงซื้อเข้ามาค่อนข้างมาก เป็นจำนวนมากกว่าแรงขาย ทำให้กราฟแท่งเทียนพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดราคาทองคำจึงมีโอกาสที่จะพุ่งขึ้นต่อไปอีก
Bearish Engulfing คือ ราคาทองคำมีแนวโน้มเป็นขาลง โดยกราฟแท่งเทียนในช่วงเวลานั้นจะเฉียงลง ซึ่งบ่งบอกได้ว่ามีแรงขายเข้ามาค่อนข้างมาก เป็นจำนวนมากว่าแรงซื้อ จึงให้กราฟแท่งเทียนพุ่งลง ราคาทองคำจึงมีโอกาสลดลงต่อไป
นักลงทุนทองคำ สามารถใช้ประโยชน์จากกราฟแท่งเทียนแบบ Engulfing ในการดูจุดเปลี่ยนแนวโน้มราคาทองคำ เช่น เมื่อกราฟแท่งเทียนราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นมาก อาจจะเป็น Bullish Engulfing นักลงทุนอาจนำมาวิเคราะห์ในการตัดสินใจซื้อขายทองคำได้
สรุปทั้งหมด
ในเริ่มต้นการเทรดทองคำ คุณควรศึกษาแนวทางในการลงทุนและแนวโน้มทิศทางราคาทองคำ รวมถึงศึกษาวิธีการอ่านกราฟต่าง ๆ โดยเฉพาะกราฟแท่งเทียน ที่เปรียบเสมือนกราฟขั้นพื้นฐานที่จะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ราคาทองคำในปัจจุบันได้และตัดสินใจซื้อขายทองคำได้อย่างมีหลักการ
หากคุณยังไม่รู้ว่าจะเริ่มลงทุนทองคำที่ไหนดี เราขอแนะนำ SBK Gold แอปพลิเคชั่นซื้อขายทองคำออนไลน์ ที่มอบความสะดวกสบายให้กับคุณ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถเทรดทองคำได้ด้วยสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว
พร้อมรับประกันความปลอดภัยให้กับทองคำของคุณ เพราะเราจดทะเบียนบริษัท DBD เชื่อถือได้ ปลอดภัย 100% นอกจากนี้คุณยังสามารถซื้อขายทองคำได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยระบบอัพเดทราคาทองคำ Realtime สนใจเริ่มต้นเทรดทองคำกับเรา สมัครสมาชิกตอนนี้
