เมื่อราคาทองแตะบาทละ 30,000 มีอะไรที่ควรรู้บ้างหากต้องการขายทองคำให้ได้กำไรเต็มหน่วย

จากสถานการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมาของแต่ละประเทศที่เราได้เห็นตามข่าวกันนั้น มีส่วนทำให้ราคาทองพุ่งขึ้นสูงมาก ถึงขั้นสูงสุดในรอบ 7-8 ปี จึงทำให้ผู้ที่มีทองคำไว้ครอบครองต่างก็พากันแห่ไปขายเพื่อทำกำไร

จากสถานการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมาของแต่ละประเทศที่เราได้เห็นตามข่าวกันนั้น มีส่วนทำให้ราคาทองพุ่งขึ้นสูงมาก ถึงขั้นสูงสุดในรอบ 7-8 ปี จึงทำให้ผู้ที่มีทองคำไว้ครอบครองต่างก็พากันแห่ไปขายเพื่อทำกำไร

เพราะราคาทองคำนั้นมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลาเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางรายถึงขั้นเฝ้าอยู่หน้าร้านทองเพื่อรอราคาทองคำขึ้นตามที่ต้องการ แล้วถึงนำไปขาย เพราะราคาทองคำนั้นเปลี่ยนแปลงเป็นชนิดที่เรียกว่า “รายนาที” เลยทีเดียว

แต่ก็ไม่ได้เป็นตามเป้าหมายเสมอไป หากทองที่คุณซื้อมากับที่นำไปขายไม่ใช่สถานที่เดียวกัน จึงทำให้ราคาทองตกลงไปได้ และยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกอย่างเช่น ค่ากำเหน็จแต่ละร้านที่ไม่เหมือนกัน หรือทองรูปพรรณที่ถูกใช้งาน อาจทำให้มีตำหนิร่องรอยต่างๆ ก็ทำให้ถูกตัดราคาไปได้เช่นเดียวกัน

ถึงทองจะเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าและเป็นที่นิยมทั่วโลก แต่ขึ้นชื่อว่าลงทุนก็ย่อมมีความเสี่ยงเสมอ 

จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องศึกษาข้อมูลเป็นอย่างดีสำหรับผู้ที่มีทองคำอยู่แล้วต้องการขาย หรือผู้ที่ต้องการจะลงทุนกับทองคำ เพื่อเป็นความรู้ก่อนตัดสินใจลงทุนและการขายเพื่อสร้างผลกำไร ดังนี้


เมื่อปี 2563 เป็นปีที่ราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทะลุ 30,000 บาท

ทองเป็นคำสินทรัพย์ที่มีมูลค่าอยู่เสมอ และเป็นที่ทั่วโลกต้องการ แต่ก็ไม่มีใครคิดเลยว่าปัจจุบันทองคำจะราคาพุ่งมาได้ถึงขนาดนี้ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 ทองคำได้พุ่งไปแตะบาทละ 30,000 บาทเป็นที่เรียบร้อย

จะเห็นได้ว่าต่อให้ทองมีความผันผวนมากขนาดไหน ราคาทองก็ยังมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ที่เห็นได้จากที่ผ่านมา ด้วยเหตุการณ์หลักๆอย่างสถานการณ์ Covid-19 จากทั่วโลก รวมไปถึงเหตุการณ์ระเบิดในประเทศเลบานอน ยิ่งทำให้ราคาทองพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2563)

ด้วยสถานการณ์ร้ายแรงแบบนี้ที่ไม่เหมือนในอดีต ทำให้คาดการณ์ได้ยาก มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเนื่องจากศูนย์กลางการผลิต ยานยนต์และศูนย์กลางการค้า ของหลายประเทศทั่วโลก ไม่สามารถทำผลผลิตได้เพราะได้รับผลกระทบโดยตรง

รวมไปถึงด้านการท่องเที่ยวที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ เนื่องด้วยสถานการณ์โรค Covid-19 ที่ระบาดทั่วโลกทำให้ต้องมีการปิดประเทศไป เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์มูลค่าและไม่เสื่อมสภาพจึงทำให้ทองคำราคาสวนทางกับเศรษฐกิจ

“ค่ากำเหน็จ” ตัวแปรสำคัญที่จะลดกำไรในการขายทองคำของคุณ

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจต่างๆ ทำให้ราคาทองสูงขึ้น ยิ่งทำให้ผู้ครอบครองทองคำต่างพากันไปขายเพื่อทำกำไร แต่บางคนกลับก็ต้องผิดหวังว่า ราคาทองที่คิดว่าจะขายได้ในราคานี้ กลับไม่ได้ราคาเท่ากับความต้องการหรือไม่เท่ากับราคากำหนดไว้

สมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทยได้มีระบุอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการรับซื้อทองคำคืนว่า ปัจจัยในการลดราคาทองคำลง เป็นได้จากการซื้อทองคำมาจากร้านอื่นแล้วนำมาขายอีกร้าน และหากเป็นทองรูปพรรณจะมีการหัก 5% จากราคาทองคำแท่งที่ได้รับคืนมาในวันนั้นๆ 

ส่วนทองคำแท่งนั้น หากใครที่ต้องการนำไปขายกับร้านทองค้าปลีกทั่วไป ที่ไม่ได้เป็นผู้ผลิตทำคำแท่งนั้นเอง จะมีการบวกค่าใช้จ่ายอื่นๆเพิ่มเติมที่ต้องดำเนินการ เช่น ค่าขนส่งเดินทาง , ค่าความเสี่ยงภัย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ  

รวมไปถึงกำไรของทองคำแท่งก็จะถูกลดด้วยเช่นกัน ซึ่งโดยปกติราคาที่ถูกลดจากกำไรทองคำแท่งนั้น จะอยู่ที่ 50 - 200 บาทต่อ 1 บาท หรือมีโอกาสสูงมากกว่านั้น


เทคนิคการขายทองคำให้ได้กำไรเต็มหน่วย ที่นักลงทุนอย่างคุณควรทราบ

ลงทุนทั้งทีแน่นอนว่าต้องการอยากได้กำไรที่มีมูลค่าสูง เมื่อรอจังหวะราคาทองที่เหมาะต่อการขาย แต่กลับต้องโดนหักค่าดำเนินการต่าง ๆ เต็มไปหมด ทำให้กำไรที่ต้องการหดหายไป และเพื่อทำให้การขายได้กำไรเยอะที่สุดจากการขายทองนั้น 

ต้องขายคืนกับทองร้านเดิมที่คุณได้ซื้อมาจะทำให้ราคาไม่โดนกดลงเยอะ และคุณอาจจะต้องเปลี่ยนการลงทุนจากเดิมมาเป็นลงทุนกับทองคำแท่ง เพราะทองคำแท่งนั้นเมื่อนำไปขายจะได้ราคาที่ดีกว่า (เมื่อเปรีบเทียบกับทองรูปพรรณ) และไม่เสียค่ากำเหน็จ

และยังมีวิธีอย่าง การซื้อ-ขาย ทองคำแท่งออนไลน์ ซึ่งก็สามารถให้คุณได้กำไรเต็มหน่วยได้เหมือนกัน เพราะแน่นอนว่าคุณจะไม่เสียค่าใช้จ่ายจุกจิก แบบการซื้อ-ขายหน้าร้านทองธรรมดา แถมยังทำให้คุณประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้อีกด้วย

อีกทั้งในการซื้อ-ขายทองแบบออนไลน์ ก็มีฟีเจอร์ที่หลากหลายกว่า ทั้งระบบเครดิต การออมทอง การเทรดทอง เรียกว่าเป็นเทคนิคที่นักลงทุนทองคำยุคใหม่หลายคนเริ่มหันมาสนใจกันมากขึ้น


ถ้าคุณเริ่มสนใจในการลงทุนทองคำออนไลน์ ถึงเวลาให้แอปพลิเคชัน SBK Gold เป็นตัวช่วย

เราขอแนะนำ SBK GOLD แอปพลิเคชันการซื้อ-ขายทองทองคำออนไลน์ ที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน สามารถซื้อขาย-ทอง เทรด ทองคำได้แบบ Real Time ซื้อปุ๊บ ได้ปั๊บ ราคาทองขึ้น-ลง ตอนไหนกดซื้อ-ขาย ได้ทันที
หมดปัญหาการต่อคิวหน้าร้านทอง แถมยังเสียค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า เมื่อทองราคาสูงขึ้นสามารถขายทำกำไรได้ทันทีผ่านแอป และพิเศษกว่าด้วยระบบเครดิต T+3 ขายทำกำไรด้วยเครดิตล่วงหน้า ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง คุณเองก็สามารถเริ่มต้นการซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์ได้แล้ววันนี้

เปิดบัญชีตอนนี้ ฟรี!

เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ คุณก็ได้เป็นเจ้าของทองคำและแอปที่ใช้งานง่ายสุดๆ