หากคุณกำลังเข้าสู่โลกของการลงทุน นอกจากปัจจัยเรื่องทุนทรัพย์ การสร้าง Mindset และการเตรียมความพร้อมในแง่ต่าง ๆ ที่จะทำให้การลงทุนของคุณประสบความสำเร็จแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่คุณต้องรู้ ที่ถือว่าเป็นพื้นฐานของการลงทุน ไม่ว่าจะลงทุนในสินทรัพย์อะไร นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า Investment Clock หรือวัฏจักรของการลงทุน
ซึ่งเป็นหลักการที่มีแนวคิดว่า สินทรัพย์แต่ละประเภทเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เหมือนกัน สินทรัพย์บางอย่างทำกำไรได้ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว แต่ไม่ดีในช่วงเศรษฐกิจหดตัว โดย ทองคำ ที่ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาสูง มีความมั่นคงเหมาะแก่การครอบครอง แต่บางช่วง บางจังหวะก็มีจุดที่ทองคำมีราคาลดลงอย่างรวดเร็วเหมือนกัน
โดยในบทความนี้ SBK Gold จะมาอธิบายถึงหลักการของแนวคิดนี้ ว่าจะมีประโยชน์และความรู้ในการนำไปลงทุนทองคำหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ได้อย่างไร ไปติดตามได้ในบทความ
Investment Clock คือแนวคิดที่มีหลักการว่า ไม่ว่าช่วงเวลาใดก็ตาม มักจะมีสินทรัพย์อยู่ประเภทหนึ่งหรือหลายประเภท ที่สามารถทำกำไรในช่วงนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี และกลับกันบางสินทรัพย์ก็อาจจะไม่ได้ผลตอบแทนที่ดีมากนัก โดยแนวคิด Investment Clock จะเน้นการอิงจากสถานการณ์จริงในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเป็นสำคัญ
เช่นในช่วงโควิดระบาดหนัก ๆ เมื่อเดือนสิงหาคม 2020 ขณะที่สินทรัพย์บางประเภท เช่น หุ้น เริ่มชะลอตัวไปจนถึงขั้นวิกฤติจากสภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองจากการเข้ามาของสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาด แต่กลับกันราคาทองคำ ที่เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์กลับทำราคาไปได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยราคาทองบาทละเกือบ 30,000 บาทไทย
ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 2 ปีในปัจจุบัน (ปี 2022) ราคาของทองคำก็ได้มีการปรับตัวลงอยู่ในช่วงราคาบาทละ 26,000 - 28,000 บาทเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์โควิด-19 ก็ยังไม่ได้หายไปจากโลก แตกต่างจากสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงที่มีมูลค่า เช่น คริปโทเคอร์เรนซี หรือแม้แต่เงินสด (ในบางประเทศ) ก็ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงเสมอ ถ้าอยู่ในช่วงสภาพเศรษฐกิจฝืดเคือง
โดย Investment Clock จะมี Framework ที่เป็นรูปวงกลมนาฬิกา แบ่งเป็น 4 ช่วงด้วยกันตามรูปด้านล่างนี้
Reflation Stage คือช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจมีปริมาณเงินหมุนเวียนมากขึ้น วัฏจักรนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงหลังจากที่โลกเกิดเหตุการณ์ที่ผิดปกติ หรือเป็นวิกฤตร้ายแรง ตัวอย่างง่าย ๆ ก็อาจจะเช่น โควิด-19 ภัยสงคราม เหตุการณ์ความไม่สงบ หรือภัยธรรมชาติที่ส่งผลเสียหายขนาดใหญ่
ทำให้ประชากรส่วนใหญ่ของโลก เริ่มตระหนักว่าเศรษฐกิจกำลังมีปัญหา ทุกคนเลยเลือกที่จะเก็บเงินสดเข้าในกระเป๋า ไม่ยอมนำเงินมาลงทุน กำลังการผลิตเริ่มเหลือ ราคาสินค้าเริ่มตกลง เพราะทุกคนกลัวความเสี่ยงในการใช้จ่ายหรือลงทุน แต่ในขณะเดียวกันจังหวะนี้อาจเป็นโอกาสของผู้ประกอบการหรือนักลงทุนบางกลุ่ม เพราะหลังจากที่สภาพเศรษฐกิจเริ่มมีการฝืดเคืองแบบนี้ ธนาคารกลางจะเริ่มมีการใช้นโยบายลดดอกเบี้ยให้ต่ำลง เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้คน และเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายหรือสภาพการเงินของบริษัทอื่น ๆ ด้วย
เพราะถ้าหากไม่ทำแบบนี้ อาจทำให้บริษัทหรือธุรกิจหลายแห่งประสบปัญหา ล้มละลายได้ จากภาวะที่ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากกว่าเดิมหลายเท่า และถ้าเกิดธุรกิจส่วนใหญ่ล้มละลายขึ้นมาจริงก็จะยิ่งดันให้อัตราว่างงานสูงยิ่งขึ้น และเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐาน
ซึ่งสินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนในช่วงวัฏจักร Reflation Stage มากที่สุด (สินทรัพย์ขาขึ้น) คือทองคำ และตราสารหนี้ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย มีมูลค่าสูงและมีความต้องการจากผู้คนอยู่ตลอดเวลา ส่วนสินทรัพย์อย่าง หุ้น ถือเป็นสินทรัพย์ขาลง เนื่องจากราคาแปรผกผันตามสภาพเศรษฐกิจ
Recovery Stage คือช่วงของการฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบของเศรษฐกิจ ภาครัฐบาลจะเริ่มเข้ามามีบทบาทในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยให้บริษัทเริ่มกล้าลงทุน ให้คนเริ่มเกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นอีกครั้ง
โดยภาครัฐจะเริ่มออกนโยบายต่าง ๆ เช่น ลดดอกเบี้ย หรือคงดอกเบี้ยให้มีระดับต่ำ ซึ่งจังหวะนี้เองจะทำให้สินทรัพย์ที่เคยเป็นขาลงในช่วงวัฏจักร Reflation Stage เริ่มกลับมามีมูลค่ามากขึ้นและให้ผลตอบแทนได้ดีมาก ๆ ซึ่งเราจะรู้ได้อย่างไรว่าปัจจุบันกำลังอยู่ในวัฏจักรของ Recovery Stage คำตอบง่าย ๆ คือให้เราดูที่อัตราการจ้างงานของธุรกิจในปัจจุบันหรือปัจจัยเงินเฟ้อที่เริ่มกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
โดยสินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนในช่วงวัฏจักร Recovery Stage ก็คือ หุ้น เพราะเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง ธุรกิจส่วนใหญ่ได้กลับมามีเงินหมุนเวียน ส่วน ทองคำ และตราสารหนี้ จากวัฏจักรที่แล้ว ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าแตะจุดสูงสุด มูลค่าขึ้นต่อได้แต่ก็ไม่มากแล้ว
Overheat Stage คือวัฏจักรที่สภาวะเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวขั้นสูงสุด หรือเรียกว่าบูมสุด ๆ ก็คงไม่ผิดอะไร ในวัฏจักรนี้เราจะเห็นข่าวราคาหุ้นมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเต็มไปหมด เข่น หุ้นกำลังมีกำไรเติบโตขึ้นมากกว่าปีละ 10% ต่อเนื่องไป 5 ปีขึ้น แต่กลับกันเราจะพบอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มมากขึ้น จากการที่ผู้คนเริ่มกลับมาใช้จ่ายกันอีกครั้ง บริษัทต่าง ๆ เดินหน้ากำลังการผลิตอย่างเต็มที่
จนทำให้ธนาคารกลางจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยบ่อยขึ้น จากที่เคยลดระดับลงมาในช่วง 2 Stage ที่แล้ว รวมถึงตัวเลขอัตราว่างงานก็จะเริ่มน้อยลง จนถึงขั้นต่ำมาก ๆ
โดนสินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนในช่วงวัฏจักร Overheat Stage ก็คือหุ้นทุกกลุ่ม ที่กำลังเติบโตขั้นสุด และพวกสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) มีมูลค่าสูงขึ้น แต่ทองคำและตราสารหนี้ จะเริ่มเป็นขาลง ซึ่งหลาย ๆ คนน่าจะสงสัยว่า ทำไมเงินเฟ้อสูงแต่ทองคำถึงราคาลงได้ นั่นก็เพราะว่า ธนาคารกลางมีการขึ้นดอกเบี้ยที่ส่งผลโดยตรงต่อค่าเงินดอลลาร์ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์เกิดการแข็งค่า ส่งผลให้ราคาทองคำมีการปรับตัวลงในช่วง Overheat Stage นั่นเอง
Stagflation คือวัฏจักรที่รวม 2 แนวคิดเข้าด้วยกันได้แก่ Stagnation หรือภาวะเศรษฐกิจซบเซา กับ Inflation หรือเงินเฟ้อ ซึ่งถือว่าเป็นวัฏจักรที่เศรษฐกิจเริ่มกลับมาซบเซาอีกครั้ง มีตัวเลขอัตราการว่างงานที่สูงมากขึ้น รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มสูงมากขึ้นอีกครั้ง จนเป็นเหตุให้สภาพเศรษฐกิจเริ่มมีปัญหา
ในวัฏจักร Stagflation สินทรัพย์อย่างหุ้นที่เคยมีมูลค่าสูงในช่วง 2 Stage ที่ผ่านมา ราคาจะลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะผู้คนเริ่มเห็นแล้วว่าหุ้นของบริษัทบางเจ้า ที่เราเคยคิดว่ามันจะสามารถทำกำไรได้ แต่พอเวลาผ่านไปเศรษฐกิจเริ่มกลับมาถดถอย ทำกำไรไม่ได้ตามที่คาด ทำให้ผู้คนออกมาเทขายหุ้นจำนวนมากจนทำให้ราคาตกลง
ซึ่งเราจะสังเกตได้ว่าถ้าเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะ Stagflation ธนาคารกลางและรัฐบาลจะเริ่มออกนโยบายมาประคองสภาพเศรษฐกิจไม่ให้อาการโคม่าไปมากกว่านี้ หรือ ประชาชนเริ่มมีหนี้มากขึ้น เพราะเศรษฐกิจกลับมาฝืดเคืองอีกครั้ง
โดนสินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนในช่วงวัฏจักร Stagflation ที่มีมูลค่าสูงจะกลับมาเป็น สินทรัพย์ปลอดภัย อีกครั้งเพราะนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มกลัวการถดถอยของเศรษฐกิจ หรือสรุปง่าย ๆ ได้ว่าในวัฏจักรนี้ ทุกสินทรัพย์เป็นขาลง แต่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง ทองคำ เงินสด และตราสารหนี้ จะเริ่มกลับมามีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
จากวัฏจักรในการลงทุนทั้ง 4 Stage ของ Investment Clock จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า แม้สินทรัพย์อย่าง หุ้น จะดูเติบโตได้เร็วตามสภาพเศรษฐกิจ แต่ถ้าเมื่อไรที่เศรษฐกิจเกิดการถดถอย เช่นใน Reflation Stage หรือ Stagflation หุ้นจากที่มีมูลค่าสูงก็จะแทบไม่มีมูลค่า ผู้คนเริ่มไม่ต้องการ และอาจทำให้นักลงทุนที่ต้องขาดทุนมากมายก็เป็นได้
ดังนั้นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนที่สุด ก็คือสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย ผันผวนยาก ถึงแม้ขึ้นราคาไม่เยอะ ไม่กระโดดเท่าหุ้น แต่ที่รับประกันได้คือ ต่อให้อยู่ใน Stage ที่ราคาลง ก็ไม่ลงมากมาย เท่าหุ้นแน่นอน และที่สำคัญควรเป็นสินทรัพย์ที่เราสามารถจับต้องมันได้ เพื่อรับประกันความปลอดภัย เช่น ทองคำ เงินสด เป็นสำคัญก่อนเสมอ แล้วค่อยมองหาสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ เช่น ตราสารหนี้ แบบที่เราแนะนำไป เป็นต้น
หากคุณต้องการมองหา แอปพลิเคชันสำหรับการลงทุนทองคำ สินทรัพย์ปลอดภัย เราขอแนะนำแอปพลิเคชัน SBK Gold เป็นแอปพลิเคชันซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์ที่ช่วยให้คุณเทรดทองคำได้อย่างสะดวกสบาย รวดเร็วและปลอดภัย ด้วยระบบอัปเดตราคาทองคำ Realtime และมีระบบเครดิต T+3 ดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS และ Android
พร้อมรับประกันความปลอดภัย ได้รับการรับรองจากสมาคมค้าทองคำ และยังมีทีมงานประสบการณ์มากกว่า 15 ปี มีหน้าร้านจริง (ถนนประชาอุทิศ) ให้คำปรึกษาตลอดการใช้งาน พร้อมแนะนำวิธีการสร้างรายได้จากการลงทุนทองคำให้คุณ มือใหม่ไม่มีพื้นฐาน ก็สมัครได้
อย่ารอช้า เริ่มต้นเส้นทางการลงทุนทองคำของคุณได้ตั้งแต่ตอนนี้ >> สมัครสมาชิกและเริ่มใช้งาน
เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ คุณก็ได้เป็นเจ้าของทองคำและแอปที่ใช้งานง่ายสุดๆ