ปัจจุบันคนรุ่นใหม่เริ่มให้ความสนใจกับการลงทุนต่อยอดสินทรัพย์ต่าง ๆ ให้งอกเงย มุ่งหวังที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินแบบทั่วไปเพื่อรอรับดอกเบี้ยเงินฝากกลับมาในอนาคต จึงเริ่มวางแผนการเงินแต่เนิ่น ๆ เพื่อต้องการบรรลุเป้าหมายอิสรภาพทางการเงิน แบ่งเงินไปลงทุนหลากหลายด้าน ยกตัวอย่างเช่น สลากออมทรัพย์ พันธบัตร หุ้น กองทุน หรือแม้กระทั่งสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) ที่เป็นกระแสมาแรงโดยเฉพาะการลงทุนแบบเก็งกำไร แต่การลงทุนส่วนใหญ่นั้นมักถูกหักภาษี ไม่ว่าจะเป็นจากเงินปันผล(Dividents) ดอกเบี้ยที่ได้รับ(Interests) หรือกำไรที่สร้างได้จากการขายเก็งกำไร
ด้วยการถูกหักภาษีเหล่านี้เอง นักลงทุนจึงหันไปซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลกันมากขึ้น แต่ก็โอกาสอันดีแบบนี้ก็ทำให้นักลงทุนดีใจกันได้ไม่นานนัก เนื่องจากประเทศไทยได้มีการประกาศใช้ ‘พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล’ รวมถึงมีการแก้ไขกฎเกณฑ์ในการเสียภาษีของผู้ที่ลงทุนในสินทรัพย์เพิ่มเติมใน ‘พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรฉบับที่ 19’ ซึ่งมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายของกำไรที่ได้จากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมากถึง 15% เลยทีเดียว
แล้วนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรควรเดินในเส้นทางนี้ต่อไป หรือไปหาทางเลือกใหม่อย่าง ‘ทองคำ’ ที่เป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ ถือเป็นอีกทางเลือกของการลงทุนสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะสามารถปรับแผนการลงทุนให้เป็นแบบเก็งกำไรหรือเลือกถือระยะยาวก็ได้ อีกทั้งทองคำยังเป็นสินทรัพย์ Safe Haven ที่มีมูลค่าสูงตลอดกาล และมีความเป็นสากลอีกด้วย
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ ภาษีที่จัดเก็บจากรายได้ที่เกิดขึ้นของบุคคลทั่วไป สำหรับมนุษย์เงินเดือนเรามักจะคุ้นเคยกันดีเกี่ยวกับการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบ ‘ภ.ง.ด.91’ ที่ต้องยื่นแก่กรมสรรพากร ช่วงเดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคมของทุกปี เพื่อแสดงรายได้ที่เกิดขึ้นจากการทำงาน แต่แท้จริงแล้วรายได้นั้นที่เข้าเกณฑ์นั้นมีมากกว่ารายได้ที่ได้จากเงินเดือนทั่วไป สามารถแบ่งออกได้เป็น 8 ประเภท ยกตัวอย่างเช่น
โดยรายได้เหล่านี้จะถูกรวมอยู่ในการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตาม ภ.ง.ด. 90 จะเห็นได้ว่ารายได้และกำไรที่เกิดจากดอกเบี้ยเงินฝาก การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เงินปันผล และกำไรสุทธิที่เกิดจากการลงทุนนั้นถูกนับว่าเป็นรายได้อย่างหนึ่ง ซึ่งบางประเภทสามารถเลือกหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ทันที หรือรวมไปคำนวณเป็นเงินได้เพื่อยื่นภาษีภายหลังก็ได้ โดยการถือครองหลักทรัพย์จะสามารถเลือกหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับเงินปันผล 10% และรายได้จากดอกเบี้ยที่ได้รับจากบริษัทหลักทรัพย์(Broker) จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%
นอกจากนี้ การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตเคอเรนซี(Cryptocurrency)และโทเคนดิจิทัล(Digital Token)นั้น กำไรที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายทันที 15% และยังต้องนำเงินที่ได้จากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ไปคำนวณร่วมกับรายได้เพื่อยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกด้วย ไม่สามารถเลือกยกเว้นการหักภาษีเพื่อไปยื่นรวมในภาษีเงินได้แบบดอกเบี้ยและเงินปันผล เรียกว่าเสียภาษีสองต่อเลยทีเดียวก็ว่าได้
แล้วจะมีสินทรัพย์ตัวไหนที่เหมาะจะลงทุนเก็งกำไรและสามารถถือยาวเพื่อที่จะเห็นผลลัพธ์ที่งอกเงยได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยบ้าง เราขอพาคุณไปทำความรู้จักกับสินทรัพย์อย่าง ‘ทองคำแท่ง’ ที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มาตรา 42(9) ที่ว่าด้วยการยกเว้นภาษีกันต่อ
เงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษี คือ เงินได้ที่เกิดขึ้นจากรายการยกเว้นว่าไม่เข้าข่ายการเสียภาษีเงินได้ โดยเงินส่วนนี้จะไม่ถูกนำมาคำนวณเพื่อยื่นภาษีเงินได้ ยกตัวอย่างเช่น กำไรสุทธิจากการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์(Capital Gain) เงินที่ได้รับการชดเชย เงินที่ได้จากการถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือสลากออมสิน เป็นต้น โดยรายละเอียดรายการที่มาของเงินได้นั้นแทรกแยกย่อยอยู่ในกฎหมายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชกฤษฎีกาฉบับต่าง ๆ ประมวลรัษฎากร หรือกฎกระทรวงก็ตาม
ซึ่งการซื้อขายทองคำนั้นเข้าข่ายประเภทเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษี ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42(9) ที่กล่าวว่า “(9) การขายสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดก หรือสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร แต่ไม่รวมถึงเรือกำปั่น เรือที่มีระวางตั้งแต่หกตันขึ้นไป เรือกลไฟ หรือเรือยนต์ที่มีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไปหรือแพ”
ตามเนื้อหาจากประมวลรัษฎากร มาตรา 42(9) ที่ว่าด้วยเงินได้ที่ยกเว้นภาษีนี้เอง ทำให้ทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณที่บุคคลทั่วไปครอบครองอยู่นั้น ถือว่าเป็นเพียงการซื้อหรือขายสินทรัพย์ส่วนตัว เช่นเดียวกันกับการถือครองอัญมณี และเข้าเงื่อนไขที่ของ ‘สังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร’ นั่นเอง
ทองคำแท่งถือเป็นทางเลือกใหม่ของการลงทุนที่น่าสนใจมากจริง ๆ สามารถวางกลยุทธ์การลงทุนได้หลากหลาย สังเกตหรือประเมินแนวโน้มจากสถานการณ์เศรษฐกิจและตัวแปรอื่น ๆ ได้ ซื้อขายง่ายเป็นที่ต้องการตลอดเวลา มีความเป็นสากล สภาพคล่องสูงเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่าย ยิ่งปัจจุบันสามารถกดซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์ได้เพียงแค่ปลายนิ้วอย่าง SBK Gold แอปพลิเคชันซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์ ที่ออกแบบฟีเจอร์มาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
ใช้งานง่ายสะดวกสบายเป็นเจ้าของทองคำแท่งได้ภายใน 5 ขั้นตอน เพียงกดเลือกชนิดของทองคำที่คุณต้องการซื้อ เลือกราคาตลาดหรือราคาในใจของคุณ เลือกปริมาณการสั่งซื้อที่คุณต้องการ ยืนยันคำสั่งซื้อของคุณ และเช็กผลการซื้อทองคำที่หน้า Portfolio เพียงเท่านี้คุณก็ได้ทองคำมาไว้ในครอบครอง อีกทั้งแอปพลิเคชันยังแจ้งเตือนราคาทองคำขึ้นลง สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อที่คุณจะได้ไม่พลาดกับราคาทองที่ดีที่สุด ด้วยระบบรักษาความปลอดภัย100% หมดห่วงเรื่องการโจรกรรม
นอกจากนี้ ยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ดูแลร้านทองมาอย่างยาวนานกว่า 15 ปี คอยให้คำปรึกษาอุ่นใจในทุกการซื้อขาย สามารถเริ่มต้นการลงทุนทองคำออนไลน์ของคุณแล้วได้ที่นี่ ให้ SBK Gold ได้ดูแลความมั่งคั่งให้คุณ
เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ คุณก็ได้เป็นเจ้าของทองคำและแอปที่ใช้งานง่ายสุดๆ