การเริ่มลงทุนครั้งแรกของใครหลายคนมักใช้เวลามาก กว่าจะศึกษาหาความรู้ สอบถามคนรอบข้างที่ลงทุนมาก่อน กว่าจะทำความเข้าใจได้ก็กินระยะเวลาไปมากพอสมควร แต่จุดที่ยากที่สุดนั้นคือการที่จะ ‘เริ่มต้นลงทุน’ เข้าไปเป็นผู้เล่นในสนามจริง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเรามักคุ้นกับประโยค “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน” ที่คอยย้ำเตือนเราอยู่เสมอ เราจึงกลัวที่จะต้องเสี่ยงกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น
ดังนั้นการยอมรับความเสี่ยงจึงเป็นตัวแปรสำคัญของผู้ที่ต้องการจะก้าวเข้ามาเป็นนักลงทุนมือใหม่จนไม่กล้าเริ่มเสียที วันนี้เราเลยจะพาคุณไปรู้จักกับ ‘Stop Loss’ ที่จะมาช่วยให้คุณมีความกล้าที่จะลงทุนมากยิ่งขึ้น แล้ว Stop Loss ที่ว่าคืออะไร? ไปติดตามกันต่อได้เลย
‘Stop Loss’ คือจุดตัดการลงทุนเพื่อไม่ให้ขาดทุนหรือกำไรลดลง เป็นจุดที่เรากำหนดไว้ว่าจะหยุดการลงทุน เมื่อสินทรัพย์นั้นมีมูลค่าปรับตัวลงเพื่อป้องกันไม่ให้กำไรต่ำกว่าที่เราตั้งเป้าหมายไว้ หรือเพื่อรักษาไม่ให้เสียต้นทุนที่เริ่มเข้าซื้อสินทรัพย์นั้นไป เป็นอีกหนึ่งเทคนิคการรับมือกับการลงทุนที่ใช้ได้ในทุกสินทรัพย์โดยเฉพาะการลงทุนในทองคำแบบระยะสั้นหรือการเก็งกำไร ซึ่งหลายคนมักจะเข้าใจผิดว่าการ ‘Stop Loss’ นั้น คือ ‘Cut Loss’ แต่ก็ไม่ผิดทั้งหมด
‘Cut Loss’ คือการขายสินทรัพย์เพื่อให้ขาดทุนน้อยที่สุด แต่จะอยู่ในช่วงที่เราขาดทุนไปแล้ว โดยประเมินร่วมกับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้หากเริ่มขาดทุนหรือเสียเงินต้นที่เราลงทุนไปในตอนต้น ซึ่งหากมองอีกมุมหนึ่ง การ Cut Loss เหมือนเป็นสับเซตใน Stop Loss นั่นเอง
การตั้งจุดตัดการลงทุนเป็นอีกวิธีนับการลงทุนที่นักลงทุนมือใหม่ควรให้ความสำคัญโดยเฉพาะการยอมรับความเสี่ยงหากสูญเสียเงินต้น เพราะมีนักลงทุนมือใหม่จำนวนไม่น้อยที่ถอนตัวจากการลงทุนไปเมื่อเริ่มขาดทุนจนเริ่มขาดความมั่นใจและกลัวที่จะลงทุนต่อ ดังนั้นการที่คุณรู้จักระดับความเสี่ยงที่ตัวคุณรับได้อย่างแท้จริงถือเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก
ซึ่งการลงทุนในสินทรัพย์อย่าง ‘ทองคำแท่ง’ ที่ค่อนข้างมีความผันผวนมาจากหลายปัจจัย ยกตัวอย่างเช่น ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ, อัตราเงินเฟ้อ, อุปสงค์และอุปทานทองคำในตลาด และความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก การตั้งจุด Stop Loss ในการเทขายเพื่อป้องกันเงินต้นของคุณจะช่วยให้คุณมีความพร้อมหากเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝันกรณีที่ราคาทองคำแท่งหลุดจากกรอบแนวรับได้ดีเลยทีเดียว (อ่านบทความ รู้จักแนวรับ แนวต้าน กุญแจสำคัญในการลงทุนทองคำให้ประสบความสำเร็จ)
วิธีการ Stop Loss มีมากมายหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับสไตล์การลงทุนของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนที่ถนัดสายกราฟตามติดสถานการณ์ ซื้อ-ขายเก็งกำไรตลอดเวลา ลงทุนระยะยาว หรือใช้เครื่องมืออื่น ๆ ช่วย วันนี้เราเลยหยิบ 4 วิธี Stop Loss ที่เป็นที่นิยมที่ใช่กันตั้งแต่นักลงทุนทองคำมือใหม่ถึงมืออาชีพ อย่าง Percentage Stop Loss, Price Pattern Stop Loss, Volatility Stop Loss และ Time Stop Loss ซึ่งมีข้อดีแตกต่างกันไปตามสไตล์การเล่นของแต่ละคน วิธีไหนจะเหมาะกับคุณไปดูกันต่อเลย
‘Percentage Stop Loss’ คือการกำหนดจุดตัดการลงทุนตามเปอร์เซ็นต์ของต้นทุนที่ใช้ลงทุน เป็นวิธีการตั้ง Stop Loss ที่คลาสสิกที่สุดที่นักลงทุนทองคำมือใหม่นิยมใช้รวมถึงการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ อีกทั้งวิธีคิดยังเรียบง่ายไม่ยุ่งยากเพียงคำนวณจากเงินต้นที่ลงทุนและความเสี่ยงของสินทรัพย์นั้นที่เรารับได้โดยที่เราดูเพียงมูลค่าที่เราถืออยู่ ไม่ต้องติดตามกราฟหรือความรู้เชิงเทคนิคมากนัก
ซึ่งตอนเริ่มศึกษาการลงทุนในตอนแรก ๆ หลายคนมักจะเคยผ่านบททดสอบวัดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ที่จะมีคำถามว่าคุณสามารถยอมรับการขาดทุนได้กี่เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกันกับภาพด้านบนจะเห็นได้ว่าตัวอย่างอัตราส่วนระหว่างผลตอบแทนที่ได้รับ (Win Rate%) และความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินต้นต่อผลตอบแทนที่จะได้รับ (Risk) จะเห็นได้ว่ายิ่งผลตอบแทนสูงความเสี่ยงก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณลงทุนไปทั้งหมด 10,000 บาท มีความสามารถยอมรับความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินต้นได้ที่ 10% หมายความว่าจุด Stop Loss ของคุณจะเป็น 10,000 * (1 - 0.1) = 9,000 บาท ดังนั้นหากมูลค่าสินทรัพย์ที่คุณกำลังลงทุนลดลงถึง 9,000 บาทเมื่อไหร่จะเป็นจุดที่คุณเทขายสินทรัพย์นั้นออกไป
‘Price Pattern Stop Loss’ หรือ ‘Chart Stop Loss’ คือการกำหนดจุดตัดการลงทุนโดยอาศัยการจับแนวโน้มทิศทางของราคาจากกราฟทำให้ต้องอาศัยความรู้เชิงเทคนิคหรือรู้จักลักษณะของกราฟในระดับหนึ่ง โดยดูจากเส้นแนวโน้มทิศทางราคาทองคำ (Trend Line) จากกราฟแท่งเทียนที่แสดงราคาสูงสุด-ต่ำสุดและราคาเปิด-ปิด ลักษณะจะเป็นกราฟแท่งสีเขียวและแดงตามรูปภาพด้านบนที่มีการตีเส้นสีน้ำเงินเพื่อกำหนดแนวรับและแนวต้านทองคำ โดยวางจุด Stop Loss ไว้ที่แนวรับแต่ละช่วงเพื่อป้องกันกรณีเกิด Breakout หรือการที่ราคาดิ่งลงจนทะลุแนวรับ (อ่านบทความ กราฟแท่งเทียน วิธีการคาดการณ์แนวโน้มตลาดที่นักลงทุนทองคำต้องรู้!)
แต่ว่าวิธีนี้อาศัยความรู้เชิงเทคนิคค่อนข้างมากจะเหมาะกับมือใหม่ที่มีความรู้ด้านการอ่านกราฟและ Price Pattern ในระดับหนึ่ง ซึ่งนักลงทุนมือหลายคนที่ใช้การตั้ง Stop Loss วิธีนี้ จะใช้เส้น Moving Average (MA) เข้ามาช่วยในการตัดสินใจในการตั้งจุด Stop Loss ควบคู่ไปด้วย อีกข้อสำคัญจุด Stop Loss วิธีนี้ไม่ตายตัวเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามแนวโน้มราคา รวมถึงอาจจะต้องติดตามข่าวสารที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำประกอบเนื่องจากบางครั้งเกิดสัญญาณหลอกให้คนเทขาย เป็นต้น
‘Volatility Stop Loss’ หรือ ‘Trailing Stop Loss’ คือการกำหนดจุดตัดการลงทุนโดยใช้ความผันผวนที่เกิดขึ้นด้วยเครื่องมือ ATR (Average True Range) วิธีตัดการลงทุนนี้มักจะใช้ร่วมกับวิธี Price Pattern Stop Loss เพื่อที่จะลบสัญญาณเทขายหลอกที่เกิดขึ้น โดย ATR จะแสดงระดับความผันผวนแต่ละช่วงเวลาเพื่อหาช่องว่างที่เกิดขึ้น ยิ่งค่า ATR สูงแสดงว่ามีความผันผวนในตลาดมากหรือราคาค่อนข้างเหวี่ยง ซึ่งการที่เราใช้ ATR เข้ามาช่วยกำหนดจุด Stop Loss ร่วมกับเส้นแนวโน้มราคาจะช่วยให้จุด Stop Loss เราแม่นยำและป้องกันการสูญเสียผลตอบแทนจากการเก็งกำไรหรือต้นทุนได้รวดเร็วก่อนที่จะถึงแนวรับหรือทะลุจน Breakout
ซึ่งการคำนวณ ATR มีอยู่ 3 รูปแบบที่คนนิยมใช้ เพื่อหาความผันผวนของราคาทองคำแต่ละช่วงเวลา ประกอบไปด้วย
โดยค่า ATR ที่ได้มานั้นให้แปลงค่าที่ได้เป็นบวกทั้งหมด เพียงเท่านี้เราก็จะได้ค่าความผันผวนแต่ละช่วงเวลามาประกอบกับเส้นแนวโน้มเพื่อดูสัญญาที่ราคาจะพลิกดิ่งลงหรือพุ่งทะยานสูงขึ้น รวมถึงกำหนดจุดตัดการลงทุนของราคาแต่ละวัน
‘Time Stop Loss’ คือการตั้งจุดตัดการลงทุนตามระยะเวลาที่กำหนดไม่มีวิธีคำนวณที่ตายตัว โดยดูแต่ทิศทางของราคา การอ้างอิงจากแนวโน้มราคาย้อนหลัง หรือเหตุการณ์ประจำที่เกิดขึ้นทุก ๆ ช่วงเวลานั้น ยกตัวอย่างเช่น ทุก ๆ ปี ในสัปดาห์ก่อนช่วงตรุษจีนราคาทองคำมักจะพุ่งสูงขึ้นก่อนจะค่อย ๆ ปรับตัวลดลงหลังจากเลยวันตรุษจีนไป หรือในไทยเองช่วงตรุษจีนก็จะเห็นคนเชื้อสายจีนในไทยไปซื้อทองแถวเยาวราชกันอย่างคับคั่ง
อีกเหตุผลที่ดีสำหรับวิธีการตั้งจุดตัดการลงทุนนี้ คือเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นที่ชัดเจนเมื่อทิศทางของราคาเริ่มปรับตัวลงช่วยให้เราไหวตัวถอนการลงทุนได้ทัน อีกทั้งยังเหมาะกับการลงทุนระยะสั้นหรือเข้าไปลงทุนเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน
การตั้งจุด Stop Loss ทั้ง 4 วิธี ที่เราได้นำมาฝากกันวันนี้เป็นวิธีการหลักที่นักลงทุนใช้เพื่อรับมือกับการขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในสินทรัพย์อย่างทองคำแท่ง แม้จะเป็น Safe Haven ของนักลงทุนหลายคนที่ได้แบ่งเม็ดเงินลงทุนมาไว้กระจายความเสี่ยงเพียงอย่างเดียว จึงไม่ค่อยได้มีใครกล่าวถึงการตั้งจุดตัดการลงทุนในทองคำเสียเท่าไหร่นัก แต่อย่างไรก็ตามหากคุณเข้าใจการตั้ง Stop Loss ที่เหมาะสมกับตัวคุณแล้ว เชื่อว่าความกลัวที่จะเริ่มต้นลงทุนของคุณคงลดลงและมีความกล้ามากขึ้นที่จะสร้างความมั่นคงให้แก่อนาคตของคุณ
การตั้งจุด Stop Loss ของตัวคุณเองก่อนที่จะเริ่มไปลงสนามจริงหรือพึ่งเริ่มลงทุนไปไม่นานนัก การตั้งจุดตัดการลงทุนจะช่วยให้คุณรับมือกับผลลัพธ์ที่ไม่เป็นดั่งใจได้ดียิ่งขึ้นและสามารถเก็งกำไรได้ปลอดภัยกว่าเดิม และ หากคุณกำลังมีความสนใจการลงทุนในทองคำแท่งแล้ว SBK Gold แอปพลิเคชันซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์ที่สะดวกสบายตอบโจทย์ทุกสไตล์การลงทุน ไม่ว่าจะซื้อขายระยะสั้นเพื่อเก็งกำไร หรือซื้อระยะยาวเพื่อเก็บออมสู่อิสรภาพทางการเงิน
แอปพลิเคชันใช้งานง่าย ซื้อขายทองคำแท่งที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ปลอดภัยสูงด้วยการยืนยันตัวตนก่อนการสมัครทุกบัญชี ได้รับการรับรองจากสมาคมค้าทองคำให้คุณมั่นใจได้ 100% อีกทั้งยังมีระบบเครดิตพิเศษ T+3 ให้คุณสามารถซื้อก่อนและจ่ายทีหลัง และยังมีทีมงานที่มีประสบการณ์ร้านทองกว่า 15 ปี พร้อมให้คำปรึกษา เริ่มต้นสร้างเส้นทางอิสรภาพทางการเงินในฝันของคุณได้แล้ว ที่นี่
เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ คุณก็ได้เป็นเจ้าของทองคำและแอปที่ใช้งานง่ายสุดๆ